น้ำมันมะพร้าว ดีกว่า น้ำมันหมู อย่างไร .

น้ำมันมะพร้าว ดีกว่า น้ำมันหมู อย่างไร

Share : facebook share twitter share messenger share

บทความ น้ำมันมะพร้าว

น้ำมันมะพร้าว ดีกว่า น้ำมันหมู อย่างไร



น้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil ) กลายเป็นวัตถุดิบยอดฮิตในกลุ่มคนรักสุขภาพ ด้วยคุณประโยชน์ที่หลากหลายทั้งการบริโภคเพื่อสุขภาพและใช้เพื่อความสวยความงาม

 

     น้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil ) เป็นน้ำมันพืชที่สกัดจากเนื้อในของมะพร้าว ซึ่งได้ออกมาในลักษณะใสหรือสีเหลืองอ่อน ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการสกัด อย่างในบางผลิตภัณฑ์ใช้คำว่า น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ นั่นหมายถึง น้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil ) ที่สกัดโดยใช้กระบวนการธรรมชาติ น้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันอิ่มตัวที่มีจุดหลอมเหลวต่ำ จึงเปลี่ยนสถานะเป็นไขเมื่อสัมผัสกับอากาศเย็น

 

 

     น้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil ) มีดีตรงที่ดี ประกอบไปด้วย ไขมันอิ่มตัวที่เป็นไตรกลีเซอไรด์สายยาวปานกลาง ซึ่งต่างจากไขมันอิ่มตัวชนิดอื่นๆ ที่มีสายยาวกว่า เช่น น้ำมันพืช ไขมันจากนม และเนื้อสัตว์ และที่สำคัญน้ำมันมะพร้าวที่บริสุทธิ์ สีจะใสเหมือนน้ำ ซึ่งมีวิตามินอีและมีกรดลอริกอยู่ประมาณ 54.61%

 

 

     กรดลอริก มีความพิเศษอย่างไร ? กรดลอริกมีความพิเศษคือ สร้างภูมิคุ้มกัน เมื่อบริโภคเข้าไปร่างกายจะเปลี่ยนเป็น โมโนลอริน ซึ่งเป็นสารตัวเดียวกับที่อยู่ใน “น้ำนมแม่” สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ รวมถึงฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ โปรโตชัว ไวรัส และเชื้อที่ก่อให้เกิดหลอดเลือดแข็งตัว

 

 

น้ำมันมะพร้าว ดีกว่า น้ำมันหมู จริงเหรอ ?

     น้ำมันหมู มีกรดไขมันอิ่มตัวค่อนข้างสูง ทำให้จุดเกิดควันสูงตาม จึงเหมาะกับการปรุงอาหารประเภททอด ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรค NCDs เช่น โรคอ้วน โรคหลอดเลือดและหัวใจ เพราะอุดมไปด้วยไขมันเลวและคอเลสเตอรอลสูง รวมไปถึงการใช้น้ำมันหมู หากใช้ซ้ำจะยิ่งเสี่ยงต่อการสะสมในร่างกาย

 

 

     ส่วน น้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil ) มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงมาก สูงกว่าน้ำมันหมูด้วยซ้ำ ใช้ความร้อนสูงได้ เหมาะกับการทอด แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ น้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil ) มีความยาวของสายโมเลกุลปานกลาง ทำให้ย่อยง่าย ดูดซึมไว สะสมในร่างกายน้อยกว่าน้ำมันตัวอื่นๆ ที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง

 

 

คุณประโยชน์ของ น้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil ) เมื่อนำมาใช้ทำอาหาร

1. น้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil ) เป็นกรดไขมันอิ่มตัวที่มีสายโมเลกุลปานกลาง ทำให้จับกับไฮโดรเจนครบแขน ไม่เปิดช่องให้ออกซิเจนเข้าไปทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ไม่เกิดอนุมูลอิสระ จึงไม่ส่งผลเสียและเกิดความเสื่อมกับเซลล์ในร่างกายมนุษย์ได้

 

2. น้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil ) มีคุณสมบัติอิ่มตัว ดังนั้น เมื่อโดนความร้อนจึงไม่เปิดโอกาสให้ออกซิเจนเข้าทำปฏิกิริยาใดๆ ไม่กลายเป็นไขมันทรานส์ จึงไม่ก่อให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือดอุดตัน

 

3. น้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil ) เป็นกรดไขมันและไตรกลีเซอร์ไรด์สายโซ่ปานกลาง ทำให้ดูดซึมเป็นพลังงานแก่ตับได้อย่างรวดเร็ว ไม่เหลือไขมันตกค้าง

 

4. น้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil ) เป็นอาหารแก่เซลล์ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพึ่งอินซูลิน

 

5. น้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil ) กระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลทำให้เพิ่มอัตราการเผาผลาญร่างกายได้สูงขึ้น

 

6. น้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil ) เมื่ออัตราการเผาผลาญร่างกายสูงขึ้น ส่งผลให้ลำไส้เคลื่อนตัวได้เร็วขึ้น ระบบการขับถ่ายดีขึ้น

 

     ถึงแม้ว่า น้ำมันมะพร้าว ( Coconut Oil ) จะมีประโยชน์มากมาย แต่การทานน้ำมันมากเกินไปก็ไม่ดีต่อสุขภาพ อาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลหรือไขมันเลวเพิ่มขึ้น ดังนั้น ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะและเลือกซื้อน้ำมันมะพร้าวที่มีคุณภาพ อย่าง น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น และ น้ำมันมะพร้าวสำหรับปรุงอาหาร ตรา แมนเนเจอร์

 

ด้วยความปรารถนาดีจาก น้ำมันมะพร้าวออร์แกนิคสกัดเย็น ตราแมนเนเจอร์ (Organic Coconut Oil Extra Virgin By ManNature)

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก goodlifeupdate

อ่านบทความที่น่าสนใจ

- เคล็ดลับ วิธีกินน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ให้ได้ผล

- วิธีเลือกน้ำมันที่ใช่ กับอาหารที่ชอบ


บทความที่น่าสนใจ

น้ำมันมะพร้าวช่วยลดไขมันในเลือด ทางเลือกที่ดีเพื่อสุขภาพ

บำรุงผิวสวยด้วย น้ำมันมะพร้าว

สิวปัญหากวนใจ รักษาด้วย น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น

การเลือก น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ที่ดี